เชื่อว่าเพื่อนๆหลายคนคงจะมีปัญหาไม่เข้าใจว่าท่าทางที่น้องหมาแสดงออกนั้นจะสื่อว่าอะไร วันนี้เรามีเทคนิคง่ายๆมาเป็นตัวช่วยให้เพื่อนๆเข้าใจมากขึ้น ว่าแล้วก็ตามมาอ่านกันเลย...
สำหรับเจ้าของที่เพิ่งได้น้องหมาตัวแรกมา หรือน้องหมาตัวใหม่ที่คนละพันธุ์กับตัวเดิม แน่นอนว่าลักษณะท่าทางการแสดงออกของพวกเค้าก็จะมีความแตกต่างกันในแต่ละพันธุ์ ซึ่งก็เป็นอะไรที่เราควรจะต้องเรียนรู้ และทำความเข้าใจให้มากขึ้น เพราะนอกจากจะทำให้เค้ากะเราอยู่ด้วยกันอย่างมีความสุขแล้ว บางครั้งยังอาจจะทำให้เราทราบปัญหาที่จะเกิดขึ้นกับตัวน้องหมา และสามารถป้องกันได้อย่างทันท่วงทีด้วยนะ
ภาษากาย (ลักษณะท่าทางที่เค้าแสดงออก) ที่เราจะพูดถึงกันนั้น เป็นช่องทางหลักที่น้องหมาจะใช้เพื่อสื่อสารกับคุณ ซึ่งก็จะเกิดขึ้นจากหลายๆอารมณ์และความรู้สึกของน้องหมา พวกเค้ามักแสดงออกผ่านท่าทางต่างๆให้เราเห็น แสดงให้เห็นว่าเค้าไม่ได้เพียงแต่เป็นผู้ฟังที่ดีของเราอย่างเดียวนะ เค้าสามารถที่จะบ่งบอกสิ่งที่เค้าต้องการ หรือความรู้สึกของพวกเค้า ให้เราทราบได้เช่นกัน
ในบางครั้งท่าทางเหล่านั้นอาจเป็นท่าทางที่เข้าใจง่าย เห็นปุ๊บรู้ปั๊บ แต่ในบางครั้งเขาอาจเป็นท่าทางที่สามารถตีความไปได้ในหลายความหมาย เค้าแค่ต้องการบอกเราเป็นนัยๆ แล้วให้ไปคิดต่อเอาเอง ฉะนั้นเราควรที่จะหยุดเพื่อตั้งใจดูและฟังในสิ่งที่เค้าพยายามที่จะบอกกับคุณ ไปพร้อมกับการสังเกตสถานการณ์และสิ่งแวดล้อมรอบกาย นำเอาประสบการณ์ต่างๆที่เคยพบเจอมาวิเคราะห์ เพื่อให้เข้าใจในสิ่งที่เค้าต้องการจะบอกให้ได้มากยิ่งขึ้น โดยการการแปลผลท่าทางต่างๆ อย่างการขยับหูหรือหาง เป็นสิ่งสำคัญที่น้องหมาทำเพื่อต้องการที่จะบอกถึงสิ่งที่เค้าเป็นอยู่ รู้สึกอยู่ แต่คุณต้องรู้ไว้เสมอว่า ในลูกหมาเด็กน้อยเค้ามักที่จะตอบสนองต่อทุกๆอย่างที่พบเห็น ตื่นเต้น และสนใจสิ่งแปลกใหม่ที่เข้ามา ฉะนั้นคุณควรคิดไตร่ตรองให้ดีว่าที่เค้าทำนั้นเกิดขึ้นเพราะอะไร
งั้นเรามาเริ่มต้นจากการอธิบายท่าทางของน้องหมาที่แสดงออกผ่านอวัยวะในแต่ละส่วนกันก่อนนะคะ
1. หัว
การที่น้องหมาหันหัวไปรอบๆ โดยไม่ได้มองไปเพียงที่ใดที่หนึ่งอาจแสดงถึงความรู้สึกไม่สบาย ไม่ปลอดภัย แต่น้องหมาที่มีความมั่นใจ หรือกำลังจะจู่โจม เค้าจะมองตรงไปยังคุณหรือสุนัขตัวอื่นอย่างแน่วแน่ ถ้าเค้าเอียงหัวแล้วมองมายังคุณโดยไม่มีการเห่า หรือส่งเสียงใดๆ แสดงถึงการแสดงความสนใจในตัวคุณค่ะ น้องหมาส่วนใหญ่เค้าเรียนรู้ว่าเมื่อทำท่าแบบนี้แล้วจะได้รับความสนใจจากคุณ นอกจากนี้น้องหมามักจะเอียงคอพร้อมกับทำหน้าฉงนสงสัยเวลาได้ยินเสียงแปลกๆ แต่คุณควรตระหนักเอาไว้ว่าอาการดังกล่าวก็สามารถเกิดจากความผิดปกติของร่างกายได้เช่นกันนะคะ ไม่ว่าจะเป็น การติดเชื้อที่หู หรือมีปัญหาภายในระบบประสาท เพราะฉะนั้นต้องสังเกตดีๆนะคะ
2. ตา
ตาน้องหมาจะเปลี่ยนแปลงไปตามอารมณ์ของพวกเค้า ซึ่งนี่แหละเป็นช่องทางหนึ่งที่จะช่วยให้คุณเข้าใจความรู้สึกของเค้าได้มากขึ้นเพียงแค่มองตากันเท่านั้น!!
- สายตาอ่อนโยน : รู้สึกผ่อนคลาย สบายใจ
- ตากลมโต ตาขาวโค้งเป็นรูปพระจันทร์เสี้ยว ในบางครั้งอาจพบร่วมกับการกลอกตา : มีความวิตกกังวล กลัว หรือเครียด
- ตาหรี่ลงครึ่งหนึ่ง : พอใจ หรือยอมแพ้
- ตากลมโตและจ้องมายังคุณ ม่านตาเบิกกว้าง : ขู่
- ชำเลืองมอง : เจ็บปวด กลัวมากๆ หรือ ขู่
3. หู
ลักษณะท่าทางของหูสุนัขเป็นสิ่งที่ค่อนข้างจะสังเกต และทำความเข้าใจยาก ซึ่งเจ้าของสามารถที่จะนำไปตีความได้ประมาณนี้
- หูอยู่ในตำแหน่งปกติ : รู้สึกสงบ ผ่อนคลาย
- หูลู่ไปทางด้านหลัง : รู้สึกหวาดกลัว
- หูกระดิกเล็กน้อยเมื่อเราเดินเข้าไปใกล้ : แสดงถึงความเป็นมิตร และการต้อนรับ
- หูตั้งขึ้นและชี้ไปข้างหน้า : รู้สึกตื่นเต้นเมื่อคุณเล่นด้วย หรือเมื่อได้รับคำสั่ง(จากท่าทางเช่นนี้ทำให้มั่นใจได้เลยว่าเค้ากำลังฟังคุณอยู่)
- หูชี้ขึ้นฟ้า : พร้อมที่จะจู่โจม
4. ปาก
ความจริงแล้วปากของน้องหมานั้น แสดงได้มากกว่าแค่ความดุร้ายนะคะ คุณสามารถที่จะสังเกตและตีความได้ ดังนี้
- เปิดปากเล็กน้อย และไม่เกร็งขากรรไกร : รู้สึกผ่อนคลาย หรือแสดงการต้อนรับอย่างเป็นมิตร
- ปิดปากแน่น อาจสะบัดลิ้นและเลียจมูก : รู้สึกกดดัน หรือ กลัว
- ยกริมฝีปากขึ้นจนเห็นฟันเขี้ยว ย่นจมูก และดึงลิ้นกลับเข้าไปในปาก : ขู่ พร้อมที่จะกัด
- จมูกแข็งเกร็ง ทำปากเล็ก สูดลมหายใจเข้าออกอย่างหนักหน่วง (อาจเห็นเเก้มป่องระหว่างหายใจ) : รู้สึกเครียด เป็นการขู่ว่าอย่าเข้ามาใกล้
- อ้าปากกว้าง จนเห็นฟันครบทุกซี่ : รู้สึกกลัว
- หาว : รู้สึกเครียด และ ยอมทำตาม
5. ร่างกาย
น้องหมาที่มีความมั่นใจในตัวเองก็เหมือนกับคนนั่นแหละค่ะ เค้าจะยืนตัวตรงสง่าผ่าเผย แต่ตัวที่ขี้กลัวเค้าก็จะพยายามทำตัวลีบๆเล็กๆ เหมือนพยายามแอบอยู่เสมอ อาจจะถึงขั้นหมอบลงกับพื้น คลาน กลิ้งไปกลิ้งมา หรือหงายหลังยอมให้คุณทำอะไรกับเค้าก็ได้ แต่ว่าคุณเจ้าของจะต้องไม่สับสนกับน้องหมาที่เค้านอนพักผ่อนอยู่ก่อนแล้วหรือน้องหมาที่หมอบจากคำสั่งของเราเนอะ
6. หาง
คนส่วนใหญ่จะเข้าใจว่าการแกว่งหางไปมามักแสดงถึงความสุข ความเป็นมิตรของน้องหมา แต่ปล่าวเลยค่ะ ความจริงแล้วเราสามารถที่จะแปลความหมายไปในทิศทางอื่นได้ ซึ่งอาจจะเป็นในเชิงบวก หรือลบก็ได้ สำหรับลักษณะหางเมื่อน้องหมารู้สึกผ่อนคลาย หรือในภาวะปกติ คุณเจ้าของจะสามารถพบเห็นได้ในหลายลักษณะขึ้นอยู่กับสายพันธุ์ของเค้า ในบางพันธุ์อย่าง Samoyed หรือ Pug หางของเค้าจะโค้งอยู่บนหลัง แต่ถ้าเป็นในน้องหมาในตระกูล Hounds หางจะห้อยลงต่ำ หรือในบางพันธุ์หางก็สั้นดุ๊กดิ๊ก เช่น Corgi หรือ Australian Shepherd โดยตัวอย่างของหางในลักษณะต่างๆ ก็จะมีดังนี้
- หางแกว่งไปมาช้าๆในแนวนอน : รู้สึกตื่นเต้น สนใจ และกำลังประเมินสถานการณ์อยู่ว่าจะทำอย่างไรต่อไป
- ชูหางขึ้นสูงกว่าปกติค้างเอาไว้ : กำลังประเมินสถานการณ์ หรือ ตื่นตัว สนใจอะไรบางอย่าง
- หางต่ำและแกว่งอย่างรวดเร็ว อาจเอามาปิดบริเวณก้น : รู้สึกอ่อนแอ ไม่มั่นใจ หรือยอมแพ้
- หางตั้งตรง แข็ง และอาจโบกไปมาเบาๆ : แสดงสิทธิความเป็นเจ้าของ ความมั่นใจ เริ่มรำคาญ หรือพร้อมจะจู่โจม
- หางตั้งตรง แข็ง แกว่งหรือสั่นหาง : รู้สึกตื่นเต้นและมั่นใจที่จะการตอบโต้
- แกว่งหางอย่างรวดเร็วไปมา หรือแกว่งเป็นวงกลม เหมือนที่ชอบพูดกันว่า “หางเป็นใบพัด” : มีความสุขมาก ทักทาย และอยากเล่นด้วย
7. ขน
การที่ขนที่แผงคอ ไหล่ หรือบริเวณหลังของน้องหมาลุกตั้งชั้นขึ้นนั้น นอกจากจะตีความหมายถึงความก้าวร้าวได้แล้ว ยังอาจจะหมายถึง ความกลัว ความตื่นเต้น และความประหม่าได้อีกด้วย เพราะฉะนั้นในกรณีของขนอาจจะต้องดูประกอบกับหลายๆปัจจัยที่กล่าวมาแล้วข้างต้นนะคะ
เห็นมั๊ยหละคะว่าการที่เราจะเข้าใจน้องหมาของเรานั้นไม่ใช่เรื่องยากเลยสักนิด ~
ที่มา
Body language, Canine behavior page 168 – 171;
Doggie Communication, Fit Dog page 28 – 31
ร่วมแลกเปลี่ยนความคิดเห็น
เงื่อนไข การร่วมแสดงความคิดเห็น
1. ห้ามเสนอข้อความหรือเนื้อหาอันเป็นการวิพากษ์วิจารณ์หรือพาดพิงสถาบันพระมหากษัตริย์และราชวงศ์ เป็นอันขาด
2. ห้ามเสนอข้อความหรือเนื้อหาที่ส่อไปในทางหยาบคาย ก้าวร้าว ... (อ่านทั้งหมด)
"ทุกความคิดเห็นนั้นไม่เกี่ยวข้องกับทีมงานผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซต์
และไม่สามารถนำไปอ้างอิงทางกฎหมายได้ทุกกรณี"
"ทีมงานขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นโดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ต่อเจ้าของความเห็น"